สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) โดยความร่วมมือกับ บริษัท เทลทูเทล จำกัด นำโดยคุณสินีนารถ เองตระกูล พร้อมจัดงานการกุศลเพื่อระดมทุนครั้งใหญ่ “Hope for Hunger Charity Night: Talks and Concert” เพื่อช่วยเหลือภาวะขาดแคลนอาหารที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนในประเทศเอธิโอเปีย เคนย่า และโซมาเลีย โดยเพิ่งจัดงานแถลงข่าวไปไม่นาน บัตรขายหมดเกลี้ยงทุกโต๊ะภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน

“Hope for Hunger Charity Night: Talks and Concert” จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน 2566 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ ถนนราชดำริ โดยมีแขกรับเชิญพิเศษคุณกิตติ สิงหาปัด ข่าว 3 มิติ เสวนาเรื่องสภาวะโลกร้อน พร้อมคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดัง นำโดยคุณสหรัถ สังคปรีชา, คุณอัญชลี จงคดีกิจ, คุณทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, คุณวิยะดา โกมารกุล ณ นคร, คุณชรัส เฟื่องอารมย์, คุณมัม ลาโคนิคส์, คุณรวิวรรณ จินดา, คุณสบชัย ไกรยูรเสน และ ที เจสเซตเตอร์ รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้ UNHCR นำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยและผู้พลัดถิ่นในประเทศ เอธิโอเปีย เคนย่า และโซมาเลียให้มีอาหารเพียงพอ มีความปลอดภัย และสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น

คุณสินีนารถ เองตระกูล ประธานกรรมการ บริษัท เทล ทู เทล จำกัด และสมาชิกกิตติมศักดิ์ กองทุนนักธุรกิจหญิงรุ่นใหม่เพื่อผู้ลี้ภัยของ UNHCR กล่าวว่า “บริษัท เทล ทู เทล จำกัด ของเราเป็นผู้ให้บริการด้าน Outsourced Contact Center มายาวนานกว่า 12 ปี โดยเราตั้งใจจัดทำโครงการเพื่อสังคมเป็นประจำทุกปีอยู่แล้วทั้งประเด็นที่เกิดขึ้นในประเทศไทยและทั่วโลก ซึ่งขณะนี้สภาวะโลกร้อนเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากขึ้น และส่งผลกระทบกับผู้คนหลายล้านคนจนต้องขาดแคลนอาหาร ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ต้องขอบคุณผู้สนับสนุนหลัก ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ,Beauty Gems, SE Biz Group, KRS และผู้สนับสนุนร่วม ประกอบด้วย บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด(มหาชน), ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เด็กซ์ตร้า วีรุค พลัส ,DTGO ,HiSoParty ,Dr.Jill, Asia Industrial Estate, โรงแรม Casa Vimaya, Thai Pack, นมตรามะลิ และ ข่าว 3 มิติ ที่ทำให้งานการกุศลครั้งใหญ่ครั้งนี้เกิดขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่างานการกุศลในครั้งนี้จะสร้างงบประมาณเพื่อช่วยชีวิตเด็ก และครอบครัวผู้ลี้ภัยในทวีปแอฟริกาได้เพิ่มขึ้น ขอให้ทุกท่านมีความสุขและสนุกกับ “Hope for Hunger Charity Night: Talks and Concert” ค่ะ

#WithRefugees#UNHCRThailand#Hope4Hunger#LeadingWomenFund

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ