หากใครผ่านเข้าออกในซอยสุขุมวิท 49  อยู่บ่อยครั้ง ก็น่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้นในพื้นที่ย่านนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะ การเกิดขึ้นของศูนย์รวมความอร่อย และ ร้านดัง อย่างโครงการ “Yard 49”  คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ ที่มาพร้อมแนวคิดในการดำเนินธุรกิจ และการสรรหาร้านค้า ที่มีเอกลักษณ์และความโดดเด่นไม่ซ้ำใคร ภายในพื้นที่ซึ่งโอบล้อมด้วย ความร่มรื่นของธรรมชาติ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สวนป่า” ตอบโจทย์เทรนด์คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเชื่อมต่อและใกล้ชิดกับธรรมชาติ รวมทั้งสามารถใช้ชีวิตได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ อย่างไม่จำเจ ก่อนเตรียมความพร้อมก่อนสยายปีก ต่อยอดขยายธุรกิจสร้าง สาขาที่ 2 และสาขาที่ 3 ในปลายปี 2567

คุณวิษณุ จิตศักดานนท์ (Vissanu Jitsakdanont) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ โพรเจกต์ จำกัด กล่าวว่า “Yard 49” เป็นโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ ที่มีความแตกต่างจากคอมมูนิตี้มอลล์ทั่วไปที่เห็นกัน โดยต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็นอีกพื้นที่ของการใช้ชีวิต และสร้างความสุขให้กับทุกครอบครัว ทั้งในย่านสุขุมวิท 49 และ คนทั่วไปที่ต้องการสถานที่พักผ่อนและมีความเป็นส่วนตัว “เราตั้งใจสร้างคอมมูนิตี้มอลล์ ที่แตกต่างออกไป และมีความเป็นพื้นที่ของสวนป่า ที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง หรือ เอาท์ดอร์ท่ามกลางธรรมชาติมากกว่า 50% ขณะที่พื้นที่ส่วนที่เหลือ ก็จะประกอบด้วย ร้านค้า ร้านอาหาร และศูนย์รวมแฟชั่น เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน ซึ่งรวมถึงนักธุรกิจ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้”

สำหรับร้านค้า และร้านอาหาร ที่อยู่ภายในโครงการ Yard 49 ประกอบไปด้วยร้านดังนี้

  • Kay’s Cafe & Restaurant เป็นร้านอาหารแนว All Day Breakfast ที่เปิดให้บริการทั้งอาหารเช้า อาหารกลางวัน ไปจนถึง อาหารมื้อค่ำ ที่จะทำให้ทุกคนได้อิ่มอร่อยกันแบบทั้งวัน ตั้งแต่เช้า จรดค่ำ
  • KANORI Hand Roll Bar ร้านอาหารญี่ปุ่น ในสไตล์ “แฮนด์โรล” ร้านแรกที่เปิดในประเทศไทย ซี่งจะมาสร้างประสบการณ์การกิน “แฮนด์โรลซูชิ” แบบเน้นๆ ที่มีรสชาติให้เลือกถึง 13 รสชาติ
  • Sushi Mitora ร้านอาหารญี่ปุ่นในสไตล์โอมากาเสะ วัตถุดิบคุณภาพดีส่งตรงจากญี่ปุ่น ที่มาพร้อมบรรยากาศการรับประทานอาหารที่จะทำให้ทุกคนเพลิดเพลินไปกับความร่มรื่นของสวนสวย
  • Tap Yard ร้านที่เปิดให้บริการอาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึง หมูกระทะ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่สวนตรงกลาง บรรยากาศนั่งชิลล์
  • Yakiniku Great ร้านโอมากาเสะปิ้งย่างชื่อดังจากญี่ปุ่น ที่มีสาขาในหลายประเทศ ทั้งฮ่องกง และมาเลเซีย เอาใจคนชอบรับประทานเนื้อวัว โดยมีตั้งแต่เนื้อวัวญี่ปุ่นนำเข้าเกรดพรีเมี่ยม และ หลากหลายเกรด ที่จะทำให้ทุกคนประทับใจ
  • Issa Vibes ร้านทำผม ร้านประจำของดาราหลายๆ คน ที่ต้องจองคิว 3-4 เดือน ด้วยความโดดเด่นของการทำสีผม และ การต่อผม ด้วยช่างผู้ชำนาญจากเกาหลี ซึ่งจะทำให้ทุกคนสวยอย่างที่ตั้งใจ
  • Seoulgoods ร้านมัลติแบรนด์ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่น เสื้อผ้า และเครื่องสำอางจากเกาหลี รวมทั้งยังเป็นแหล่งรวมเสื้อผ้าสตรีทแบรนด์ของเกาหลี ที่จะให้ทุกคนช็อปปิ้งอย่างเพลิดเพลิน
  • Rhodes บาร์เปิดใหม่ล่าสุด ที่จะให้ทุกคนได้สนุกแบบเต็มอิ่มไปกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และอาหาร พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศในบรรยากาศฟีล Mykonos

  กรรมการผู้จัดการฯ ยังเปิดเผยด้วยว่า มูลค่าการลงทุนของโครงการ Yard 49 อยู่ที่หลายสิบล้านบาท “เงินลงทุนของเราส่วนหนึ่ง เน้นหนักไปที่ การสร้างสวนให้เป็นเหมือนสวนป่าจริงๆ แค่เฉพาะค่าต้นไม้ ที่อยู่ภายในสวน ก็ใช้งบประมาณไปหลายล้านบาท โดยเราได้ลงทุนในส่วนของโครงสร้างของแต่ละร้านเอง ส่วนการตกแต่งร้านก็ให้อิสระกับร้านแต่ละร้านดำเนินการด้วยตัวเอง เพื่อจะได้มีเอกลักษณ์ ของแต่ละร้าน และดูไม่ซ้ำกัน

“สำหรับแผนการขยายธุรกิจ ผมมีแพลนที่จะขยายคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ๆ ที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในช่วงปลายปี 2567 และปลายปี 2568 ตามลำดับ และเชื่อว่า จะเป็นอีกโครงการที่ไม่เพียงจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ให้เกิดความคล่องตัวทางเศรษฐกิจ เท่านั้น แต่ยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ของการพักผ่อน และใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์ ให้กับคนไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้เป็นอย่างดีต่อไป”

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ