Infinix เผยนวัตกรรมและความก้าวหน้าสุดล้ำ Air Charge และแบตเตอรี่ Extreme-Temp
พร้อมสัมผัสอนาคตการชาร์จมือถือแบบใหม่ในงาน CES 2024

21 ธันวาคม 2566, กรุงเทพฯ – อินฟินิกซ์ (Infinix) แบรนด์สมาร์ตโฟนราคาคุ้มค่า ครบครันทุกการใช้งาน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เตรียมประกาศเปิดตัวสองเทคโนโลยีสุดล้ำที่จะมาปฏิวัติอุตสาหกรรมมือถือที่กำลังจะมาถึงกับเทคโนโลยี AirCharge และแบตเตอรี่แบบ Extreme-Temp ที่ได้รับการพัฒนาโดย Infinix ซึ่งจะเปิดตัวที่ ShowStoppers ในงานเทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดในโลก CES 2024

Infinix AirCharge ล้ำกว่าด้วยการชาร์จแบบ Over-the-Air
เทคโนโลยี AirCharge ของ Infinix ถือเป็นการพัฒนาและความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการชาร์จแบบไร้สาย โดยผู้ใช้สามารถชาร์จสมาร์ตโฟนได้อย่างอัจฉริยะโดยไม่ต้องใช้สายหรือสัมผัสกับแท่นชาร์จโดยตรง ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยให้สามารถชาร์จได้ในระยะ 0-20 เซนติเมตร* และยังใช้งานได้แม้ในขณะที่ขดลวดส่งและขดลวดรับเอียงในมุมสูงสุด 60 องศา* ซึ่งความสามารถและประสิทธิภาพอันน่าทึ่งนี้ เกิดจากเทคโนโลยีแม่เหล็กแบบมัลติคอยล์และอัลกอริธึมที่ปรับเปลี่ยนได้ของ Infinix โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ใช้เป็นอันดับแรก สำหรับ Infinix AirCharge ทำงานที่ความถี่ต่ำกว่า 6.78MHz และให้พลังการชาร์จสูงถึง 7.5W มีวงจรป้องกันแรงดันไฟฟ้าเกิน (OVP) จากต้นทางถึงปลายทาง ซึ่งช่วยปกป้องวงจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยในการชาร์จแม้ในสถานการณ์ที่ระยะห่างและตำแหน่งระหว่างโทรศัพท์และแผ่นชาร์จเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Infinix ยังมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การใช้งานได้จริงและความปลอดภัยให้กับผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นการก้าวข้ามขีดจำกัดของเทคโนโลยีการชาร์จแบบ over-the-air ด้วยการชูเทคโนโลยีเรโซแนนซ์แบบมัลติคอยล์และสร้างความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สำคัญอย่างต่อเนื่อง โดย Infinix มีเป้าหมายที่จะปฏิวัติวิธีการชาร์จอุปกรณ์อัจฉริยะให้ตอบโจทย์กับกลุ่มผู้ใช้งานให้มากที่สุด

Extreme-Temp Battery ชาร์จได้แม้ในอุณหภูมิ -40°C
Infinix ร่วมมือกับผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อแก้ไขปัญหาที่พบบ่อยในการใช้โทรศัพท์มือถือในสภาวะอุณหภูมิต่ำมาก โดยแบตเตอรี่ทั่วไปมักจะพบปัญหาการแข็งตัวของลิเธียมไอออนจนทำให้แบตเตอรี่ไม่ทำงานและไม่สามารถชาร์จหรือจ่ายไฟออกได้ จึงทำให้ Infinix แก้ปัญหานี้ด้วยการพัฒนาแบตเตอรี่ทนอุณหภูมิต่ำ โดยการนำเทคโนโลยีอิเล็กโทรไลท์ที่มีลักษณะเชิงชีวภาพและเทคโนโลยีโซลิดสเตตฟิวชันไปประยุกต์ใช้ในตัวแบตเตอร์รี่ ซึ่งการพัฒนานี้จะทำให้แบตเตอรี่สามารถทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมแม้อยู่ในอุณหภูมิต่ำถึง -40°C จึงทำให้ผู้ใช้งานมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่จะมีความทนทานและสามารถใช้งานได้อย่างดีแม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่หนาวสุดขั้ว

เปิดตัว ณ งานเทคโนโลยีที่ทรงพลังที่สุดในโลก CES 2024
Infinix มีความมุ่งมั่นและตั้งใจมาอย่างยาวนานในการพัฒนานวัตกรรมที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง และได้ผลักดันขีดจำกัดความสามารถในการชาร์จมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เทคโนโลยี Thunder Charge 180W ไปจนถึงการพัฒนา Fast Charge 260W All-Round ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Infinix
เตรียมพร้อมสัมผัสกับอนาคตการชาร์จมือถือแบบใหม่และความล้ำหน้าล่าสุดของ Infinix ที่ผสานด้วยสองเทคโนโลยี AirCharge และ Extreme-Temp Battery โดยจะถูกจัดแสดงที่ ShowStoppers งานแสดงเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกสำหรับสื่อมวลชนในงาน CES 2021 ซึ่งจะจัดขึ้นที่ลาสเวกัส ตั้งแต่วันที่ 9-12 มกราคม 2024

ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดีๆ จากอินฟินิกซ์ ได้ทาง Infinix Mobile Thailand หรือทางเว็บไซต์ https://th.infinixmobility.com

###

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ