MASTER’ บินลัดฟ้าสู่อินโดฯ
ขึ้นเวทีทอล์กโชว์ธีม Be a better you by Dr.Kosit (หมอเบนซ์)


ผ่านพ้นไปด้วยดีกับงานใหญ่ที่ประเทศอินโดนีเซีย บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER ในนามโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช Specialty Hospital ของอุตสาหกรรมด้านความงามอันดับต้นของประเทศไทยและเอเชีย ได้รับเชิญไปร่วมงานแถลงข่าวเรื่องศัลยกรรมจมูกโอเพ่น นำโดย หมอเบนซ์ – นายแพทย์โฆษิต เอี้ยวฉาย แพทย์ชำนาญการศัลยกรรมจมูก ด้วยเทคนิค Open Rhinoplasty หรือเสริมจมูกแบบเปิด เป็นตัวแทนโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชร่วมแถลงข่าวดังกล่าว พร้อมด้วยทีมงาน MASTER โดยมีดารา อินฟลูเอนเซอร์ สื่อมวลชน และพาร์ตเนอร์ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ณ The Langhem Hotel Jakarta

ภายในงานแถลงข่าว ถือเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช และดารา อินฟลูเอนเซอร์ พาร์ตเนอ และสื่อมวลชนสำนักข่าวต่างๆ จากอินโดนีเซีย ซึ่งโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชเล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว และมีความมุ่งมั่นยกระดับศักยภาพของโรงพยาบาล ทั้งในด้านการนำเทคโนโลยีศัลยกรรมความงามและพัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

อีกทั้งยังเป็นการโปรโมทโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชให้เป็นที่รู้จักผ่าน Lucinta Luna ดารา อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง และ Ivan Gunawan ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Miss Grand Indonesia (Miss Mega Bintang) ผู้จัดงานประกวด Miss Mega Bintang Indonesia หรือ Miss Grand Indonesia ซึ่งเป็นเวทีนางงามที่ยิ่งใหญ่เวทีหนึ่งของอินโดนีเซีย
ต่อมา คุณหมอเบนซ์ – นายแพทย์โฆษิต เอี้ยวฉาย ขึ้นพูดบนเวที Talk Show ในหัวข้อ “Be a Better you Talk show by Dr.Kosit” ร่วมกับ Lucinta luna เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการทำจมูกแบบ Open ยกตัวอย่างเช่น การทำจมูก Open ต่างกันอย่างไรกับจมูก Closed, วิธีการดูแลหลังจากทำจมูก เป็นต้น


ทอล์กโชว์ครั้งนี้ ถือเป็นงานใหญ่ที่โรงพยาบาลมาสเตอร์พีชได้มีโอกาสเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโรงพยาบาลกับหลากพันธมิตรชาวอินโดนีเซีย พร้อมทั้งทำความรู้จักตัวตนของคุณหมอเบนซ์ในบทบาทการเป็นแพทย์ศัลยกรรมจมูกเทคนิค Open Rhinoplasty อันดับ 1 ของประเทศไทย และยังรู้จักผ่านการเป็น Tiktoker ให้ความรู้ตามกระแสที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก งานนี้เรียกว่าได้รับความสนใจจากสื่อและพาร์ตเนอร์ตลอดช่วงทอล์กโชว์

โดยในงานเปิดให้มีกิจกรรมร่วมพูดคุยให้ความรู้เกี่ยวกับศัลยกรรมจมูกแบบโอเพนกับคุณหมอเบนซ์อย่างใกล้ชิด จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-17 มีนาคม 2567 ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

 

—————————————-

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ