“วรจรรย์ เที่ยงธรรม” ชื่อนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะ “นักชิมน้ำคนแรกของประเทศไทย” ( Water Sommelier) ด้วยสำเร็จการศึกษาทางด้านนี้โดยตรงจากสถาบัน Water Sommelier ประเทศเยอรมัน นอกจากเป็นเลิศในการชิมน้ำแล้ว คุณวรจรรย์ยังเป็นกูรูเชี่ยวชาญในศาสตร์และศิลป์ด้าน Food Pairing ช่วยร้านอาหารในการจับคู่อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆสุดพิเศษให้แก่ลูกค้า หรือ ช่วยลูกค้าเลือกน้ำให้เหมาะสมกับสภาวะของร่างกาย และเป็นที่ปรึกษาให้กับโรงงานผลิตน้ำเพื่อให้ใช้เครื่องจักรที่เหมาะสมกับสภาพน้ำจากแหล่งที่มาหลากหลาย เพื่อนำผลผลิตน้ำที่ดีมีคุณภาพสู่ผู้บริโภค เพราะ “น้ำที่ดี.. คือชีวิตที่ดี

 

ล่าสุดคุณวรจรรย์ได้ออกบูธที่งานThaifex Anuga Asia 2024 ครั้งแรก ในนาม บริษัท อัลก้า พลัส จำกัด โรงงานน้ำแร่ด่างธรรมชาติในไทย ที่มีบ่อน้ำแร่ด่างธรรมชาติมีคุณสมบัติเป็นน้ำแร่ มีค่า pH สูงระหว่าง 8-9 ขณะเดียวกันเป็นโรงงานน้ำแร่โรงเดียวที่ได้รับมาตรฐานสากลโลกอาทิ Emirates quality mark (EQM) , ISO 22000 , GMP, HACCP และ Earthsafe.

น้ำแร่ บริษัท อัลก้า พลัส จำกัด ยังเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่ได้ การรับรองและอนุมัติ เข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อของสถาบัน Water Sommelier Union ของประเทศเยอรมัน เป็นที่น่าภูมิใจของชาวไทยอย่างยิ่งที่ประเทศไทยเรามีแหล่งน้ำที่ดีเทียบเท่าต่างประเทศได้

ในงาน Thaifex ครั้งนี้บริษัท อัลก้า พลัส จำกัด ได้เปิดตัวน้ำแร่ด่างธรรมชาติแบรนด์ Sangka ที่ปัจจุบันวางจำหน่ายอยู่ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE) มานำร่องให้กับประเทศอื่นที่สนใจนำไปจำหน่าย เพราะคุณสมบัตินั้นช่วยปรับสมดุลความเป็นกรด-ด่าง ในร่างกายได้จากน้ำด่างธรรมชาติอันเป็นแหล่งที่หาได้ยากและชาวต่างชาติให้ความนิยมในคุณสมบัตินี้มาก เพราะความเป็นธรรมชาติของน้ำ ซึ่งชื่อน้ำ Sangka นั้น ออกเสียง ‘สังขะ’ มาจากคำว่าน้ำสังข์ นั่นเอง

ทั้งนี้คุณวรจรรย์ อยากจะตั้งชื่อให้มีความเป็นไทยเมื่อออกไปสู่ตลาดโลกจะเรียกได้ง่าย น้ำสังข์ เปรียบเสมือนน้ำมงคลของไทย มีความเชื่อว่าเมื่อได้ดื่มแล้วสามารถช่วยปรับความสมดุลย์ในร่างกายระหว่างกรดกับด่างได้ถือเป็นมงคลแห่งชีวิต เมื่อร่างกายมีสภาพแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดี ส่วนในประเทศไทยนั้น มีขายใช้ชื่อแบรนด์ว่า “เอท พลัส” น้ำแร่ด่างธรรมชาติ ซึ่งได้ออกมาขายในตลาดไทย เข้าสู่ปีที่ 5 และมีวางจำหน่ายในร้านค้าหลายแห่ง เช่น Tops, Dear Tummy, Villa, Foodland, Gourmet, King Power, Lemon Farm, ภูมิใจไทย, W9 wellness, Shopee, Lazada , Jiffy และ direct line OA.

สำหรับในการเปิดตัวที่งาน Thaifex ครั้งนี้ บริษัท อัลก้า พลัส จำกัด ยังเปิดรับตัวแทนจำหน่าย (Distributor)ในไทยและต่างประเทศ ซึ่งคราวนี้ได้รับความสนใจจากต่างประเทศมากเป็นพิเศษ ผู้สนใจสามารถมาเยี่ยมชมได้ที่ บูธ
HH54 Hall.1

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ