GQ Easy ต้อนรับศึกยูโร 2024 (EURO 2024) ด้วย “เสื้อกีฬาดับกลิ่น” เอาใจสายสปอร์ต พร้อมลดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ตลอดวัน

ปัญหาเรื่องกลิ่นและกลิ่นตัว ถือว่าเป็นปัญหาที่หลายๆ คนกังวล เนื่องจากส่งผลต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจ โดยจากการสำรวจข้อมูลเชิงลึกกับกลุ่มตัวอย่าง สภาพอากาศร้อนตลอดทั้งปีของประเทศไทย ทำให้เหงื่อออกง่าย และทำให้หลายคนต้องเจอกับปัญหาเสื้อเปียกชื้นที่เกิดขึ้นจากเหงื่อ ส่งผลให้เสื้อที่สวมใส่มีกลิ่นอับ ตามมาด้วยปัญหาเรื่องกลิ่นตัว สะสมจนเกิดแบคทีเรียส่งผลให้มีกลิ่นเปรี้ยว และกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเหล่านี้ GQ Easy (จีคิว อีซี่) แบรนด์เสื้อผ้าดับกลิ่นถึงได้เกิดขี้นมา ด้วยนวัตกรรมที่พัฒนามาจาก GQ Apparel (จีคิว แอพพาเรล) แบรนด์เสื้อผ้าทำงานชื่อดังของประเทศไทย กับลายสินค้าใหม่ที่มีประสิทธิภาพ “ดับกลิ่น” และยังหาซื้อง่าย สะดวก รวดเร็ว สมกับคำว่าอีซี่ 

 

GQ Easy (จีคิว อีซี่)  คือนวัตกรรมเสื้อผ้าที่เข้าใจถึงปัญหาเรื่องกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งกลิ่นที่เกิดจากเหงื่อระหว่างสวมใส่ หรือกลิ่นอับที่เกิดการตากผ้าในร่ม และส่งผลให้เกิดกลิ่นติดเสื้อตามมา โดย GQ Easy พร้อมแก้ไขปัญหาด้วยนวัตกรรมดับกลิ่น ที่ผสมลงไปในตัวเนื้อผ้า สามารถยับยั้งกลิ่นสูงสุด 96% ผ่านการทดสอบจาก SANITIZED AG สถาบันในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก และด้วยเนื้อผ้าแบบโพลีเอสเตอร์ ที่แห้งไว นุ่ม ใส่สบาย ไม่ระคายเคืองผิว ยับยาก สามารถใส่ได้โดยไม่ต้องรีด ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของผู้คนในปัจจุบัน หรือทุกเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ต้องการใช้เสื้อในกรณีเร่งด่วน

 

 เพื่อเป็นการต้อนรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (EURO 2024) GQ Easy มาพร้อมกับสินค้าใหม่อย่าง GQ Easy เสื้อกีฬาดับกลิ่น รุ่นลิมิเต็ด โดยยังคงมาพร้อมนวัตกรรมดับกลิ่น ที่สามารถยับยั้งกลิ่นได้ 96% โดยจะมาในโทนสี RED, WHITE,  NAVY, และ BLUE ที่อ้างอิงได้จากทีมฟุตบอลชาติชั้นนำต่างๆ ทั้งทีมชาติสเปน, ทีมชาติเยอรมนี, ทีมชาติอิตาลี และทีมชาติฝรั่งเศส ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับดีไซน์ที่แฝงความสปอร์ตอยู่ในตัว ทำให้ผู้สวมใส่รู้สึกคล่องแคล่ว ทะมัดทะแมงมากยิ่งขึ้น

 

GQ Easy เสื้อกีฬาดับกลิ่น เหมาะกับทุกกิจกรรม จะใส่ในชีวิตประจำวัน, ใส่ออกกำลังกาย หรือใส่เชียร์ทีมโปรดในศึกยูโร 2024 ก็ได้เช่นกัน หาซื้อง่ายมีขายที่ 7-Eleven ทุกสาขาทั่วประเทศ และทาง All Online: https://gqsize.link/Allonline_GQ มีให้เลือกหลายไซซ์ ตั้งแต่ S ถึง 2XL (ราคาเพียง 259 บาท)

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ