บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการ Medical Tourism
เน้นย้ำความพร้อมทางการแพทย์ของไทยรองรับกลุ่มลูกค้า LGBTQ


บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จำกัด (Allied Health (Thailand) Co.,Ltd. ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical and Wellness Tourism) บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทที่เน้นให้บริการคำปรึกษาและวางแผนการรักษาด้านการแพทย์ และ สุขภาพองค์รวม ทั้งร่างกายและจิตใจ โดยมีทีมแพทย์และบุคลากรที่เชี่ยวชาญให้บริการแก่ผู้รับบริการทั่วโลก เน้นย้ำความพร้อมทางการแพทย์รองรับกลุ่ม LGBTQ+

 


พันโท นายแพทย์ โชคชัย สุวรรณกิจบริหาร ผู้ก่อตั้งและซีโอโอ บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จำกัด (Allied Health (Thailand) Co.,Ltd.) ได้กล่าวถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลาง Medical and Wellness Tourism สำหรับกลุ่ม LGBTQ+ โดยทำเนียบว่าประเทศไทยมีจุดเด่นหลายด้านในการเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งมีการยอมรับและเข้าใจในความหลากหลายทางเพศอย่างสัมพันธ์กับวัฒนธรรมไทยและมีการเปิดโอกาสให้กับกลุ่มนี้ได้รับการดูแลสุขภาพอย่างกว้างขวาง นับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีชื่อเสียงในการยอมรับความหลากหลายทางเพศในมุมมองทางการแพทย์และการดูแลสุขภาพ
การมีบรรยากาศที่เป็นกันเองและเปิดกว้างต่อนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ เป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวที่ดี การมีโรงแรมที่เปิดรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ รวมถึงกิจกรรมริมชายหาด และสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางเพศจะช่วยให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอุ่นใจและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่น่าเข้ามาพักอาศัย


การมีการบริการทางการแพทย์ชั้นนำที่มีมาตรฐานสากลเป็นปัจจัยสำคัญที่นักท่องเที่ยวกลุ่ม LGBTQ+ จะคำนึงถึง เนื่องจากสามารถให้ความช่วยเหลือและการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมได้ การมีการบริการที่ครบวงจรไม่เพียงแค่เป็นจุดเด่นที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวมีประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัย แต่ยังเป็นสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของพวกเขาในการเดินทาง นักท่องเที่ยวที่รู้ว่าพวกเขาได้รับการดูแลที่ครอบคลุมและมีการให้บริการที่ครบวงจรจะรู้สึกสบายใจและมั่นใจในการเดินทาง
ด้านจุดแข็งของบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยสำหรับกลุ่มม LGBTQ+ คือคุณภาพของการบริการทางการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับให้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครอบคลุมและครบวงจรตลอดกระบวนการรักษา ตั้งแต่การให้คำปรึกษาเพื่อประเมินและวางแผนการรักษา ทั้งจากจิตแพทย์เพื่อประเมินความต้องการที่แท้จริง ไปจนถึงการรับบริการจากอายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อ เพื่อวางแผนการใช้ฮอร์โมนอย่างเหมาะสม การพิจารณาการผ่าตัด และ การดูแลหลังผ่าตัดก็มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลแผลหลังผ่าตัดหรือการให้ยาระงับปวดในปริมาณที่เหมาะสมและการดูแลทางสภาพจิตใจหลังจากผ่าตัดโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ มีมาตรฐานทางการแพทย์และจริยธรรม รวมถึงการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญอีกด้วยการดูแลของบริการทางการแพทย์ในประเทศไทยจึงเป็นที่ยอมรับและเชื่อถืออย่างแน่นอนสำหรับกลุ่ม LGBTQ+
บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จำกัด มีความพร้อมในการให้บริการแก่กลุ่ม LGBTQ+ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของกระบวนการรักษา โดยการประสานข้อมูลและวางแผนการรักษาเบื้องต้น ซึ่งรวมถึงการประเมินความพร้อมและการรักษาด้วยการให้ฮอร์โมน การผ่าตัดเปลี่ยนเสียง การผ่าตัดหน้าอกหรือเสริมหน้าอกและการผ่าตัดแปลงเพศตามที่เหมาะสมกับความต้องการของผู้รับบริการ ทั้งนี้ บริษัทยังมุ่งเสนอและคัดเลือกสถานบริการทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองมาตรสากลเพื่อความมั่นใจของผู้รับบริการ

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบริการความสะดวกสบายอื่น ๆ ที่เหมาะสมสำหรับผู้รับบริการ ซึ่งรวมถึงการประเมินค่าบริการขั้นต้นและวางแผนการรับบริการอื่น ๆ ร่วมกับการพักฟื้นโดยแพทย์ของบริษัทที่จะประเมินและวางแผนการรักษาตลอดระยะเวลา ร่วมกับโรงพยาบาลและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามที่ผู้รับบริการเลือก รวมถึงการติดตามและประเมินการรักษาและความพึงพอใจหลังรับบริการเพื่อให้ผู้รับบริการได้รับการดูแลที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพที่สุด

ดังนั้น พันโท นายแพทย์ โชคชัย สรุปว่า บริษัท สหเวชกิจ และ โรงพยาบาลในพันธมิตรมีความพร้อมเพื่อให้บริการแก่ผู้รับบริการกลุ่ม LGBTQ+ อย่างเต็มที่และได้รับความพึงพอใจสูงสุด โดยมีแนวทางการพัฒนาที่ครอบคลุมการเน้นย้ำและคัดเลือกการบริการที่มีคุณภาพทั้งมาตรฐานโรงพยาบาลและมาตรฐานด้านการบริการ การใช้เทคโนโลยีให้เต็มประสิทธิภาพและการร่วมมือเพื่อสร้างเครือข่ายในการส่งเสริมให้บริการทางการแพทย์ที่มีมาตรฐานและประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการรักษาทางการแพทย์และการท่องเที่ยวทางการแพทย์
สำหรับผู้ที่สนใจในการปรึกษาทางด้านสุขภาพ สามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท สหเวชกิจ (ประเทศไทย) จำกัด ทางโทรศัพท์ที่ (+66) 064-141-6198 หรืออีเมลที่ info@alliedhealth.co.th หรือสามารถติดตามข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊กได้ที่ alliedhealththailand

————————————————–

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ