Dr.TATTOF ยืนหนึ่ง! ลบรอยสักมาตรฐานสากล การันตีคุณภาพอันดับ 1 เอเชีย-แปซิฟิก

ทำไมต้องมาลบรอยสักที่ Dr.TATTOF? เพราะการลบรอยสักไม่ใช่เรื่องง่าย หากต้องการผลลัพธ์ ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ การเลือกสถานพยาบาลที่มีมาตรฐานระดับสากลเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม Dr.TATTOF คือ ผู้นำด้านการลบรอยสักที่การันตีด้วย รางวัลคุณภาพอันดับ 1 ในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน ซึ่งมาพร้อมนวัตกรรมเลเซอร์ที่ทันสมัย มีมาตรฐาน และทีม บุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และความเอาใจใส่ในการดูแลทุกขั้นตอนของการรักษา

มาตรฐานสถานพยาบาลระดับสากล American Accreditation Commission International (AACI) และการรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment) Dr.TATTOF ยึดมั่นในมาตรฐาน การรักษาระดับสากล โดยได้รับการรับรองสถานพยาบาลจาก American Accreditation Commission International (AACI) ซึ่งเป็นสิ่งการันตีถึงคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดในทุกขั้นตอนของการรักษา นอกจากนี้การรักษาเฉพาะบุคคล (Personalized Treatment) เป็นสิ่งที่เรายึดถือเป็นหัวใจหลัก ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาอย่างละเอียดตั้งแต่ ต้นจนจบ การวางแผนการรักษา กระบวนการติดตามผลหลังการรักษา หรือการดูแลผู้เข้ารับบริการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

การันตีคุณภาพอันดับ 1 ด้านการลบรอยสักในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน ด้วยการใช้นวัตกรรมเลเซอร์ โปรแกรม PicoWay Laser ที่ทันสมัยและปลอดภัยที่สุด เราจึงสามารถให้บริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ของผู้ที่ต้องการลบรอยสัก โดยได้รับรางวัลการันตี อันดับ 1 ด้านการลบรอยสัก ในเอเชีย-แปซิฟิก 2 ปีซ้อน เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงมาตรฐาน และความสำเร็จในด้านการรักษาที่เรายึดถือมาอย่างยาวนาน

​นพ.นัทธพงศ์ จิรุระวงศ์ ประธานบริษัท Dr.TATTOF กล่าวว่า “เรามุ่งมั่นที่จะมอบบริการลบรอยสัก ที่มีคุณภาพและปลอดภัยที่สุดในระดับสากล เราใช้นวัตกรรมเลเซอร์รุ่นล่าสุดที่ไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพสูง แต่ยัง สามารถลดความเสี่ยงและระยะเวลาในการฟื้นฟูได้ด้วย เราใส่ใจในทุกขั้นตอนของการดูแล เพื่อให้ผู้เข้ารับบริการ มั่นใจว่าได้รับการรักษาที่ดีที่สุด”

 

​คุณพงศยา ตราชูนิตย์ ผู้บริหาร Dr.TATTOF กล่าวเสริมว่า “สิ่งที่ทำให้ Dr.TATTOF โดดเด่น คือ ความเอาใจใส่ในการให้บริการ เราไม่ได้มองว่าการลบรอยสักเป็นเพียงแค่การใช้เลเซอร์ แต่เรามองว่าเป็น กระบวนการที่ต้องการการดูแลอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ ทุกคนที่มาที่นี่จะได้รับการดูแลในระดับที่ดีที่สุด จากทีมบุคลากรทางการแพทย์ของเรา”

Dr.TATTOF ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการรักษา และการให้บริการที่ได้มาตรฐานระดับสากลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้รับบริการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Dr.TATTOF ทั้ง 10 สาขา ดังนี้ สาขาสีลม คอมเพล็กซ์ 090-546-2424, สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ลาดพร้าว 095-428-9424, สาขาเทอร์มินอล 21 พัทยา 097-428-2424, สาขาเอท ทองหล่อ 099-614-2424, สาขาฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต 083-535-2424, สาขาเซ็นทรัลพลาซ่า ปิ่นเกล้า 064-679-2424, สาขาเดอะ พรอมานาด 064-756-2424, สาขาเซ็นทรัล เวสต์เกต 064-568-2424, สาขาเซ็นทรัล พระราม2 063-856-2424 และสาขาเมกาบางนา 090-895-2424
หรือ Inbox: http://m.me/dr.tattof และ Line@: http://line.me/ti/p/~@dr.tattof

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ