AESLA ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ด้านความงามและเวชสำอางชั้นนำระดับโลก มาตรฐาน U.S.FDA และ Gold Standard ภายใต้การบริหารของ คุณวรุตม์ สุทธินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสล่า จำกัด จัดงาน “A NIGHT OF STELLAR HONORS – AESLA AWARDS 2024” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติแพทย์ชั้นแนวหน้าของประเทศไทย ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและขับเคลื่อนวงการแพทย์ด้านความงามในประเทศ

ภายในงานได้รับเกียรติจากบรรดาแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒิ อาทิ ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ นิวัติ พลนิกร, นายแพทย์ วิชัย หงส์จารุ, ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง รังสิมา วณิชภักดีเดชา, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิง มาริษา พงศ์พฤฒิพันธ์, นายแพทย์ สมิทธิ์ อารยะสกุล ตลอดจน
เซเลบริตี้ “ไมค์-พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล” และ “มิ้นต์-ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง” นอกจากนี้ยังมีบรรดาแขกกิตติมศักดิ์ “มะนาว-ศรศิลป์ มณีวรรณ์, จินนี่-เอมษิกา โชติวิจิตร, นายแพทย์ ณัฐภัทร มีนชัยนันท์,
ใบปอ-ยิ่งรัก พัวถาวรสกุล” มาร่วมงาน พร้อมด้วยนักร้อง “บี-พีระพัฒน์ เถรว่อง” และ “จูน-สาวิตรี
โรจนพฤกษ์” รับหน้าที่เป็นพิธีกรดำเนินงาน

นอกจากนี้ภายในงานยังมี Innovative Exhibition สำหรับจัดแสดงนวัตกรรมทางการแพทย์ด้านความงามจากแบรนด์ระดับโลกต่างๆ พร้อมด้วยหนึ่งในไฮไลต์ของงานคือการเปิดตัวสารฉีดเป็นครั้งแรกของ AESLA ได้แก่ Dermal Filler จากแบรนด์ Revanesse ประเทศแคนาดา และสารฉีด Polynucleotide จากแบรนด์ Plinest ประเทศอิตาลี

โดย Revanesse เป็น Hyaluronic Acid ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็มร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนึ่งในฟิลเลอร์เพียงไม่กี่ตัวที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน U.S.FDA ส่วน Plinest เป็นสารฉีด Original Polynucleotide ความเข้มข้นสูงจากปลาเทราต์ที่ถูกสกัดด้วยกรรมวิธีพิเศษที่ทำให้มีความบริสุทธิ์สูง ซึ่งทั้งสองอยู่ในกลุ่ม Product Highlight ร่วมกับ TempSure จากแบรนด์ Cynosure Lutronic นวัตกรรม RF Platform แบบ Monopolar ตอบโจทย์การลดริ้วรอยและยกกระชับได้ทั้งกับบริเวณใบหน้าและเรือนร่าง สามารถปรับใช้กับการรักษาได้อย่างครบวงจร ซึ่ง AESLA ต้องการขยายตลาดในปี 2025 เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ความงามอย่างยั่งยืน

ปัจจุบัน บริษัท เอสล่า จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ทางด้านความงามและเวชสำอางชั้นนำอย่างครบวงจร ได้แก่ Asclepion, biotec italia, capillus, Cynosure Lutronic, GME, Human Med, Hydrafacial, NoIR, SoftFil, Syris Scientific, Venus, Zimmer และ Product ในกลุ่มของสารฉีดอย่างแบรนด์ Plinest และ Revanesse

ติดตามและอัปเดตข้อมูลข่าวสาร บริษัท เอสล่า จำกัด ได้ที่ https://aesla.com/  , Facebook : AESLA, Instagram : aesla.aesthetics , Line@ : @AESLA , YouTube : @aesla.aesthetics หรือโทรศัพท์ 089-815-9519

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ