“โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล” ทำรายได้ไตรมาส 1 ปี 68 อยู่ที่ 245 ล้านบาท โต 15% และกำไรสุทธิ ที่ 36 ล้านบาท โต 12% YOY จากยอดขายโตทุกช่องทาง รุกหนักตลาด Facial Skincare ยึดเบอร์ 1 มาร์เก็ตแชร์ Facial Masks

นายคอร์ราโด จาควินโต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรจูคิส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KISS เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 245 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

โดยหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงาม (Beauty care) ที่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 13% โดยเป็นการเติบโตในทุกช่องทาง โดยช่องทางออฟไลน์เติบโต 12% โดยเป็นการเติบโตทั้งในช่องทางร้านค้า Modern Trade +7%, General Trade +4% และการค้าผ่านแดน (Cross Border) ซึ่งมียอดขายในไตรมาสนี้ 16 ล้านบาท ส่วนช่องทางออนไลน์ e-Commerce เติบโต 9% จากการทำการตลาดที่เน้นการรีวิวสินค้าโดย KOL/KOC การขายทาง Live Streaming และพันธมิตรเครือข่ายออนไลน์ (Affiliate)

โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว (Skincare) โดยเฉพาะแบรนด์หลักอย่าง Rojukiss ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 29% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักที่เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น Cream และ Serum ของ Rojukiss Face Eye Neck, Rojukiss Reju PDRN, and Rojukiss Phyto-Retinol และในไตรมาสนี้ยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แก่ Affordable Hydrogel Mask, Rojukiss PoreBright 10, Rojukiss Dr.Shin B12 Pink Vitamin Moisturizer.

โดยปัจจัยการเติบโตมาจากยอดขายผลิตภัณฑ์เดิมและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี กลยุทธ์ทางการตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างมูลค่าของแบรนด์มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นยอดขาย การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย การบริหารต้นทุน และค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะที่แนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ข้อมูลล่าสุดจาก Nielsen Company ยืนยันว่า Rojukiss ยังคงรักษาโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งในปี 2568 โดย Rojukiss Facial masks ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 16.7% เพิ่มขึ้นจาก 13.0% ในช่วงเดียวกันของปี 2567 ขณะที่ Facial moisturizers เพิ่มขึ้นเป็น 5.3% จาก 4.8% ในช่วงเวลาเดียวกัน

แนวโน้มการเติบโตยังมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ การขยายช่องทางการจัดจำหน่าย และการจัดวางสินค้าในร้านค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมของผู้บริโภคทั้งในช่องทางดิจิทัลและออฟไลน์ และที่สำคัญ Rojukiss สนับสนุนนวัตกรรมผ่านแคมเปญโฆษณาแบบองค์รวมที่เน้นผลิตภัณฑ์กลุ่ม Face-Eye-Neck ควบคู่ไปกับกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์สำหรับสินค้าหลักอย่าง Phyto-Retinol และ Pore Bright 10

ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปี 2568 ไว้ที่ช่วง 10% ถึง 15% ซึ่งขับเคลื่อนโดยแบรนด์ Rojukiss และกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก พร้อมการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง ขยายการจัดวางพอร์ตโฟลิโอในกลุ่มโมเดิร์นเทรด และการเพิ่มจำนวนร้านค้าทั่วไปที่ครอบคลุมโดยตรงเป็นสองเท่า ในขณะที่การขยายตลาดต่างประเทศยังคงเป็นเสาหลักสำคัญของกลยุทธ์การเติบโตระยะยาว โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศให้ถึง 20% ของรายได้รวมภายในปี 2573 ซึ่งจะดำเนินการผ่านสองกลยุทธ์หลัก ได้แก่ โมเดลการจัดจำหน่ายโดยตรงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยร่วมมือกับพันธมิตรระดับแนวหน้าในกลุ่มโมเดิร์นเทรดและอีคอมเมิร์ซ พร้อมการสนับสนุนจากทีมงาน Rojukiss ที่มีประสบการณ์ในพื้นที่ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการแต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายและจัดตั้งการดำเนินงานสำหรับกลุ่มประเทศต่างประเทศแรกของเราซึ่งครอบคลุมเวียดนาม กัมพูชา และลาว โดยกลุ่มนี้จะบริหารโดยผู้จัดการฝ่ายขายที่มีประสบการณ์ประจำอยู่ที่ประเทศเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มจัดส่งสินค้าได้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2568 และการทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่ายในตลาดโลกเพื่อให้บริการกลุ่มตลาดที่กว้างขึ้น

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ