ประเทศเอลซัลวาดอร์ทุ่มเงินจ่าย JKN เป็นเจ้าภาพจัดมิสยูนิเวิร์ส 2023

ปังมากแม่! กระแสรอบตัดสินมิสยูนิเวิร์ส ได้รับความสนใจจากผู้ชมเกือบ 1 พันล้านคนทั่วโลก ผ่านการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ไปยัง 121 ประเทศ รวมถึงการถ่ายทอดบนแพลทฟอร์มสตรีมมิ่ง และทางโซเชียลมีเดีย ทะยานคว้าเรทติ้งขึ้นอันดับ 1 ทางช่องเทเลมุนโด้ สถานีโทรทัศน์ภาษาสเปนอันดับ 1 ในอเมริกา และผ่านช่องทางออนไลน์ จนทำให้ประเทศเอลซัลวาดอร์ ทุ่มเงินจำนวนมากจ่าย บริษัทเจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด มหาชน เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2023

หนึ่งในช่วงสำคัญของงานที่ได้รับการยกย่องจากสื่อต่างประเทศทั่วโลก คือ ช่วงสุนทรพจน์หยุดโลกของ คุณแอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ซีอีโอ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และเจ้าขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส ที่ชูวิสัยทัศน์ส่งเสริมพลังหญิง เฉลิมฉลองแนวคิดแห่งสตรีนิยม ที่สนับสนุนความหลากหลายทางวัฒนธรรม การให้โอกาสทางสังคม ความเท่าเทียมทางเพศ เพื่อยกระดับผู้หญิงทุกคนให้รู้สึกยืนหยัดด้วยตัวเองอย่างมีคุณภาพ ผ่านแนวคิด Transformational Leadership หรือการเป็นผู้นำแห่งการปฏิรูป เพื่อที่จะยกระดับคุณค่าของการประกวดมิสยูนิเวิร์ส

สถานีโทรทัศน์เทเลมุนโด้ ได้อ้างอิงถึงข้อมูลจากการสำรวจด้านเรทติ้งของบริษัทเอจีบี นีลเส็นว่า รายการถ่ายทอดสดรอบตัดสินมิสยูนิเวิร์ส ครั้งที่ 71 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ได้เรทติ้งครองอันดับ 1 ของช่องในกลุ่มผู้ชมอายุ 18 – 49 ปี โดยการถ่ายทอดสดผ่านช่องเทเลมุนโด้เพียงช่องทางเดียว มีผู้ชมกว่า 2.4 ล้านคน โดยตัวเลขของผู้ชมในกลุ่มอายุ 18-49 ปีโตขึ้น 84% และตัวเลขของผู้ชมทั้งหมดโดยรวมสูงขึ้น 54% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ในประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวเลขผู้ชมในกลุ่มอายุ 18-49 ปี มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในรัฐลอสแองเจิลลิส รัฐนิวยอร์ก รัฐไมอามี รัฐดาลลัส และรัฐชิคาโก้

รายงานจาก Talkwalker เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ ระบุ การประกวดรอบตัดสินมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 71 นั้น ขึ้นอันดับ 1 รายการเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และสังคม มียอดวิวรวมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย กว่า 10.6 ล้านวิว และ เกิดการมีส่วนร่วมของผู้ชมกว่า 5.7 ล้านครั้ง จากการถ่ายทอดสดผ่านสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์ และการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย มีการรับชมเนื้อหารายการที่เกี่ยวข้องกับการประกวดมิสยูนิเวิร์สรอบตัดสิน มากถึง 526 ล้านนาที ซึ่งตัวเลขในปีนี้เติบโตขึ้น 37% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

จากวิสัยทัศน์ในการสนับสนุนการสร้างพลังและยกระดับให้กับผู้หญิง และความสำเร็จของการจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 71 ทำให้ ประธานาธิบดี นายิบ บูเคเล แห่งประเทศเอลซัลวาดอร์ตัดสินใจทุ่มเงินให้กับ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ภายใต้การนำ คุณแอน-จักรพงษ์ เพื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 72 ที่จะมีขึ้นช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงธันวาคม 2023 นี้ ซึ่งมีการประกาศบนเวทีมิสยูนิเวิร์สครั้งแรกในรอบ 12 ปี ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในความสำเร็จและความภาคภูมิใจของบริษัทไทยอย่าง เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป

คุณแอน-จักรพงษ์ กล่าวหลังจากการเข้ามาบริหารองค์กรมิสยูนิเวิร์สเป็นเวลา 2 เดือนครึ่ง ว่า “เรามุ่งมั่นในการพัฒนา และบูรณาการองค์กรมิสยูนิเวิร์สให้ดียิ่งๆขึ้นไป ให้เป็นเวทีแห่งการเสริมสร้างพลังให้ผู้หญิงแก่ทุกคนในจักรวาล ให้มีความเป็นผู้นำ และสามารถเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแบบอย่างให้กับผู้อื่นได้ และการประกวดมิสยูนิเวิร์สต้องเป็นเวทีที่ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และยุติธรรมที่สุด ”

จากสถิติและความสำเร็จทั้งหมดจะเห็นได้ว่า การประกวดมิสยูนิเวิร์ส ถือว่าเป็นเวทีการประกวดความงามอันดับ 1 ของโลกที่ผู้คนกำลังให้ความสนใจ และพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของการประกวดที่จะขับเคลื่อนสังคม และสร้างผู้หญิงให้เป็นผู้นำแห่งการปฏิรูปสังคม และจะทำให้ประเทศไทยได้รับการยกย่องในสายตาของคนทั้งโลก รวมถึงเป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคมโลกไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในทุกมิติ

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ