MASTER จุดพลุฉลองเทรดวันแรก เหล่าคนดังตบเท้าร่วมแสดงความยินดี เฮลั่น! เปิดปุ๊บกำไรปั๊บ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน

 

วันที่ 25 มกราคม 2566 บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTER โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงาม ภายใต้ชื่อโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ‘Masterpiece Hospital’ เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นำโดย นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) จุดพลุฉลองเทรดวันแรกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม พร้อมเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จสู่โรงพยาบาลด้านศัลยกรรมเสริมความงามในระดับสากล ที่มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด แข็งแกร่ง มั่นคง และสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน

                การนำหุ้น MASTER เข้าซื้อขายวันแรกได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ที่เชื่อมั่นในตัวธุรกิจ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช ที่เปิดดำเนินงานมากกว่า 9 ปี มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่น มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่มีจุดมุ่งหมายสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคง ยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น

 

“MASTER เข้ามาระดมทุนครั้งนี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม หลังตลอด 9 ปีที่ผ่านมา ได้วางรากฐาน พัฒนาระบบต่างๆ จวบจนทุกวันนี้ MASTER หรือ โรงพยาบาลมาสเตอร์พีช กลายเป็นโรงพยาบาลด้านศัลยกรรมครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จึงมั่นใจว่าในการเข้าสู่ปีที่ 10 เราพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจและเป็นบริษัทจดทะเบียนอย่างเต็มรูปแบบ ผมได้สร้าง Trust ให้กับลูกค้า คู่ค้า และก้าวต่อไปผมอยากสร้าง Trust ให้กับนักลงทุนเช่นกัน” นายแพทย์ระวีวัฒน์ มาศฉมาดล กล่าว

นางสาวลภัสรดา เลิศภานุโรจ กล่าวเสริม “การจะนำเงินระดมทุนสนับสนุนการขยายธุรกิจ เพื่อรองรับปริมาณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจ มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจุดเด่นและวิสัยทัศน์ทางธุรกิจของโรงพยาบาลมาสเตอร์พีช คือ มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านศัลยกรรมแบบครบวงจรอันดับหนึ่งของประเทศไทย รวมถึงด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง และมีเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง”

                บรรยากาศในงานเทรดวันแรก ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ เต็มไปด้วยสีสันโดยเฉพาะกองทัพผู้มีชื่อเสียงในสังคม เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ดารา-นักแสดง ตบเท้าเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในวันเทรดแรก โดยทุกคนเป็นลูกค้าที่ประทับใจและเคยเข้ามาใช้บริการกับโรงพยาบาลมาสเตอร์พีชอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ตั้งใจนัดแต่งกายด้วยชุดสีเขียวมาร่วมแสดงความยินดี และส่งเสียงเฮลั่นเมื่อกราฟของ MASTER พุ่งทะยานขึ้นแบบทุบทำลายสถิติ ทั้งปริมาณการซื้อขายและราคาเปิดจองเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ตั้งแต่วินาทีแรก

 

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ