ห้างเซ็นทรัลชิดลม ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เปิดบทบาทแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรก “นัมจูฮยอก” พร้อมชวนสัมผัสปรากฏการณ์ ‘Chidlom Pink’ สุดเซอร์ไพรส์ทั่วกรุงเทพฯ
ต้อนรับโฉมใหม่สู่การเป็น ‘The Store of Bangkok’ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ในรอบ 50 ปี

ห้างเซ็นทรัลชิดลม ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศแต่งตั้ง “นัมจูฮยอก” (Nam Joo Hyuk) นักแสดงชื่อดังสัญชาติเกาหลีใต้ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกในโอกาสการฉลองเปิดโฉมใหม่ของ ‘ห้างเซ็นทรัลชิดลม’ ในรอบ 50 ปี ที่ปรับโฉม
สู่การเป็นห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรีภายใต้คอนเซปต์ “The Store of Bangkok” พร้อมตอบโจทย์ในการเป็นจุดหมายปลายทางแห่งการช้อปปิ้งของมหานครอย่างแท้จริง ด้วยแบรนด์ลักชัวรีระดับโลก และแบรนด์เอ็กซ์คลูซีฟที่ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้า รวมทั้งปรับการตกแต่งห้างที่มุ่งสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ทั้งภายในและภายนอก เพื่อเป็นคอมมูนิตี้แห่งแรงบันดาลใจสำหรับทุกคนกับที่สุดแห่งประสบการณ์ช้อปปิ้งที่เหนือระดับและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร


​สำหรับเหตุผลสำคัญที่ห้างเซ็นทรัลเลือก “นัมจูฮยอก” มารับหน้าที่เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกในครั้งนี้
เนื่องจากนัมจูฮยอกเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความสามารถรอบด้าน อีกทั้งเป็นคนที่มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น มีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งตรงกับ Identity ใหม่ของห้างเซ็นทรัลชิดลม รวมถึงเป็นนักแสดงที่ได้รับความนิยม มีฐานแฟนคลับมากมายทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่น ๆ ทั่วเอเชีย จึงทำให้มั่นใจว่านัมจูฮยอกจะสามารถถ่ายทอดความเป็น Citizen of Chidlom ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของห้างเซ็นทรัลชิดลมได้เป็นอย่างดี
​ทั้งนี้ “นัมจูฮยอก” จะประเดิมบทบาทการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของห้างเซ็นทรัลชิดลมด้วยการเดินทางมาร่วมงาน อีเว้นต์ Grand Opening ‘The Store of Bangkok’ ในวันที่ 12 ธ.ค. 67 ที่จะถึงนี้! โดยมาพร้อมกับเซอร์ไพรส์สุดประทับใจมากมาย พร้อมร่วมในแคมเปญสำคัญอย่าง ‘All Roads Lead to Chidlom’ เพื่อโปรโมทโฉมใหม่ของห้างเซ็นทรัลชิดลมที่จะปรากฎตามสื่อต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ และในโซเชียลมีเดียของไทย รวมทั้งเตรียมพบกับเซอร์ไพรส์ปรากฏการณ์ ‘Chidlom Pink’ แบบจัดเต็มจากแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของห้างเซ็นทรัลชิดลมตลอดจนถึงเดือน เม.ย. 68

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวของห้างเซ็นทรัลชิดลมได้ทาง
Facebook / Instagram : Central Chidlom, Central Department Store
#CentralChidlomxNamJooHyuk #TheStoreofBangkok #AllRoadsLeadtoChidlom #Centralchidlom #CentralChidlomGOP

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ