PHG แจง Big Lot เปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่
ยืนยันไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารงาน

 

แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป (PHG) รายงานการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น หลังมีการซื้อขายหุ้นผ่านกระดานรายใหญ่ (Big-Lot Board) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 58,077,700 หุ้น คิดเป็น 19.36% ของหุ้นชำระแล้วทั้งหมด ยืนยันไม่กระทบโครงสร้างการบริหารและการดำเนินธุรกิจ

นายรณชิต แย้มสอาด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG เปิดเผยว่า PHG ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น หลังมีการซื้อขายหุ้นผ่านกระดานรายใหญ่ (Big-Lot Board) เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 58,077,700 หุ้น คิดเป็น 19.36% ของหุ้นชำระแล้วทั้งหมด ทำให้บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ (ROJNA) มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 73,500,000 หุ้น เพิ่มสัดส่วนการถือครองจาก 5.14% เป็น 24.50% หลังเข้าทำรายการ ขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งของ PHG ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นตระกูลช่าง ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นลง

“PHG ชี้แจงว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อนโยบายการดำเนินธุรกิจ โครงสร้างการบริหารงาน คณะกรรมการบริษัท และทีมผู้บริหาร โดยบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนเดิม นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่เข้าข่ายการทำคำเสนอซื้อ (Mandatory Tender Offer) ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ทั้งนี้ PHG ยืนยันว่าหากมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในโครงสร้างผู้ถือหุ้นหรือการบริหาร บริษัทจะปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์และแจ้งข้อมูลให้ทราบโดยทันที”​

**********************************

By admin

You missed

“เมดีซ กรุ๊ป” โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 ที่ 74.63 ลบ. โตแรง 27% กวาดรายได้รวม 228.74 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% YOY หลังความต้องการบริการด้านเซลล์ต้นกำเนิดสูง Dealer-Agent ขยายตัว หนุนทุกธุรกิจโตต่อเนื่อง นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า สำหรับผลประกอบการของบริษัท กลุ่มบริษัทมีกําไรสุทธิในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 อยู่ที่ 74.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58.91 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 228.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 190 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ประมาณ 31% – 40% ในไตรมาสที่ 1/2567 ไตรมาสที่ 4/2567 และไตรมาสที่ 1/2568 ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิ ที่แข็งแกร่ง และเติบโตอย่างต่อเนื่องนั้นเกิดจาก ในไตรมาสที่ 1/2568 กลุ่มบริษัทฯ สามารถรักษาระดับของอัตรากำไรขั้นต้น รวมถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงาน ได้ในระดับที่ดี รวมถึงมีรายได้อื่นที่เพิ่มขึ้น และกลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ที่ลดน้อยลงจากการที่กลุ่มบริษัทฯ ได้รับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอากรในการยกเว้นการเสียภาษี ผ่านโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไร และรายได้ เกิดจากภาพรวมในการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด หรือ Stem Cell ยังมีความสำคัญ โดยเฉพาะการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดสำหรับเด็กเกิดใหม่ ซึ่งจะได้เซลล์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แข็งแรง และมีความพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในอนาคต ด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรมทางการแพทย์ และมีงานวิจัยที่ได้รับการยอมรับ ทั้งนี้แนวโน้มในการจัดเก็บยังมีความต้องการที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งกลุ่มบริษัทฯ มีการเพิ่มขนาดทีมขายของกลุ่มบริษัทฯเอง รวมถึงเพิ่มพันธมิตรทางการค้า ที่เป็นตัวแทนให้บริการ (Dealer) และตัวแทนจำหน่าย (Agent) ทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้าที่มีความต้องการมาจัดเก็บได้มากขึ้น และกลุ่มบริษัทฯ มีเครือข่ายพันธมิตรที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงสถานพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ รวมถึงในปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ มีการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ การจัดเก็บเซลล์รากผม ที่กลุ่มบริษัทฯ เริ่มมีรายได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2568 จำนวน 3 ล้านบาท โดยคิดเป็น 2% ของรายได้จากการขายและการให้บริการ